กิจกรรม Click กระจาย ยิ่ง Click มาก ยิ่งมีสิทธิ์ลุ้น มูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

PIIQ MDR-PQ1 Premium Headphones by SONY

วันนี้เรามีรีวิว Headphones สุดหล่อมากความสามารถจาก SONY มาให้ท่านผู้ชมได้รับชมกันครับ !!!
IMG_3945

spec
PIIQ ยี่ห้อนี้ใครหลายคนบอกว่าอาจจะยังไม่รู้จักเท่าใด นัก แต่ถ้าพูดถึง SONY ละก็ แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะไม่รู้จักแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมแบรนด์นี้นะครับ วันนี้เมื่อ SONY ผุดค่ายในเครือขึ้นมา เพื่อผลิตอุปกรณ์ Headphones ทุกชนิดออกมาเป็นทางเลือกใหม่ ที่นอกจากคุณภาพแล้ว PIIQ ยังเน้น Modern Design อีกด้วย เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนก็เห็นเทรนด์ในปัจจุบันกันแล้วใช่ไหมล่ะครับว่า คนส่วนใหญ่นอกจากต้องการคุณภาพแล้ว ยังต้องการ Life Style อีกด้วย โอเคครับ พล่ามมาซะนาน พร้อมแล้วเราไปดูรีวิว PIIQ MDR-PQ1 กันเลยดีกว่าครับ
PIIQ MDR-PQ1 เป็น Headphone ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต เพราะเป็นตัว Top ของ PIIQ นี่ เอง น้ำหนักประมาณ 9 ออนซ์ หรือหนักพอ ๆ กับ Coke 1 กระป๋องนี่เอง พร้อมกัีบสาย Audio in แบบถอดได้ยาว 1.2 เมตร กำลังขยายที่ 70 โอห์ม ที่ 1 กิโลเฮิรตซ์ ความถี่สูงถึง 104 dB/mW กำลังขับที่ 1000 mW พร้อมขายในราคา $99.99
clip_image007
IMG_3936
IMG_3935

IMG_4023 IMG_4024
PIIQ MDR-PQ1 มาพร้อมกับการออกแบบที่ดูทันสมัยมาก ๆ พร้อมสาย Audio in ที่สามารถถอดได้ตามต้องการ ถือว่าเป็น Headphones ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างหล่อไม่เบาเลย
IMG_3949
IMG_3953
บริเวณด้านบนของหูฟังนั้นเป็นลักษณะผ้าไหมพรมถัก ให้ความรู้สึกหรูหราผสมกันกับลายสีแดงตัดกับสีดำที่ดูทันสมัย ซึ่งผสานรวมกันได้อย่างลงตัว ด้านในมีกันกระแทกคุณภาพสูงที่ช่วยกันกระแทกกับศีรษะ
ลำโพงหูฟัง
IMG_3946 IMG_3947
IMG_3951 IMG_3952
IMG_3954
ตัวลำโพงของ PIIQ MDR-PQ1 นั้นมีขนาดใหญ่ มีตำแหน่งที่เอียงรองรับให้เข้ากับตำแหน่งของหูแต่ละคน ฟองน้ำที่แนบชิดกับใบหูมีขนาดใหญ่ นิ่มมาก ไม่แข็งกระด้าง แต่มีข้อสังเกตว่าลำโพงนั้นมีขนาดใหญ่มากก็จริง ซึ่งบางคนหูเล็กทำให้กรอบของฟองน้ำนั้นไม่ได้สัมผัสใบหู ซึ่งอาจจะทำให้เจ็บเวลาฟังไปนาน ๆ ได้ แต่สำหรับคนที่มีใบหูใหญ่จะไม่มีปัญหาอะไร แต่กลับถือว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำครับ
การปรับความยาว – สั้นของแกน
Untitled-1
จะเห็นได้ว่าการปรับระดับของแกนหูฟังนั้นสามารถเก็บได้อย่างเนียนจริง ๆ แถมยังปรับได้ตามต้องการ ไม่จำกัดเป็นช่วง ๆ ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อดีและการออกแบบแบบใหม่ของ PIIQ MDR-PQ1 ตัวนี้เลย
IMG_3939 IMG_3940
IMG_3938
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า สาย Audio in แบบถอดได้ยาว 1.2 เมตร โดยทั้งสองฝั่งนั้นเป็นสายแจ๊คแบบ 3.5 mm ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาด ข้อดีของสาย Audio in ที่แถมมาให้ คือ สายนั้นมีลักษณะแบน ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุสายขาดได้แน่นอนครับ

วิจารณ์เสียง
IMG_3948
Music
เริ่มต้นกันด้วยการฟังเพลงนะครับ หลังจากที่ผมได้ทดลองฟังเพลงมายาวนานพอสมควรกับเครื่องเล่นหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแห่งเสียงเพลงอย่าง SONY Walkman, iPod, Creative ก็ได้เสียงที่ออกมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ PIIQ MDR-PQ1 สามารถแบ่ง Position ของเสียงได้ดี ไม่ว่าเครื่องดนตรีจะอยู่ในตำแหน่งไหน จะออกมาได้ชัดเจน แยกซ้ายขวากันได้ดี ต่อมาเรามาพูดถึงโทนเสียงกันบ้าง เสียงต่ำหรือเสียงเบสของ PIIQ MDR-PQ1 ยังทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แต่ก็ดีในระดับหนึ่ง เสียงกลางและเสียงสูงนั้นชัดเจน ฟังดูแล้วโอเคไม่มีข้อติอะไร ส่วนเรื่องโทนเสียงถ้าเสียงต่ำหรือเบสนั้นทำได้ดีกว่านี้จะดีมากครับ เรื่อง สุดท้าย คือ ความชัดของเสียง ความชัดของเสียงนั้นอยู๋ในระดับกลาง ๆ แม้ว่าจะใช้ iPod ที่ขึ้นชื่อเรื่องความชัดของเสียงเพลงมาฟังแล้วก็ตาม แต่ยังถือว่าไม่ชัดเท่าที่ควรกับราคาระดับนี้
Music คะแนน 8/10 ถ้า PIIQ MDR-PQ1 นั้นเพิ่มในส่วนของเสียงเบสและความชัดของเสียงจะเป็น Headphones ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยฟังมาเลย
Movies and Gaming
ต่อมาผมก็ได้ฟังเสียงจากการชมภาพยนตร์ HD หลังจากได้ฟังเสียงและรับชมภาพยนตร์จนจบเรื่อง และเล่นเกมใหม่ ๆ อย่าง Call of Duty – Black Ops ต้องบอกด้วยความสัตย์จริงเลยว่า ผมเพลิดเพลินกับพลังเสียงที่ PIIQ MDR-PQ1 นั้นทำออกมามาก ๆ อย่างที่บอกไปในหมวดทดสอบฟังเพลงแล้วว่า PIIQ MDR-PQ1 สามารถแบ่ง Position ของเสียงได้ดี ถึงจะไม่ใช่ Headphones แบบ 7.1 Ch แบบบางยี่ห้อ แต่สามารถให้ตำแหน่งทิศทางของเสียงดีกว่าซะอีก ตรงนี้ขอชมเลย การตัดเสียงรอบข้างก็ทำได้ดี ถือว่าตัดได้หมดจด เวลาฉากที่มีเสียงหนัก ๆ เช่น ฉากสู้รบ เสียงที่มาจากหลากหลายก็ไม่ได้ตีกันจนปวดหัว ตรงนี้ถือว่าทำได้ดีอีกเช่นกัน
Movies and Gaming คะแนน 9.5/10 PIIQ MDR-PQ1 ถือว่าเป็น Headphones ที่ทำให้ผมคล้อยตามกับการชมภาพยนตร์ได้อย่างไม่มีข้อสงสัย ถ้าเบสกระหึ่มกว่านี้ให้ 10 แล้วครับ

imageIMG_3931
จบลงไปแล้วนะครับกับการทดสอบ PIIQ MDR-PQ1 Premium Headphones by SONY ต้องบอกก่อนเลยว่า Design นั้นดูดีมีระดับมาก ๆ กับ Headphones ตัว Top ตัวนี้ PIIQ MDR-PQ1 นั้นสามารถให้พลังเสียงออกมาได้อยู่ในระดับที่ดีพอสมควร อาจจะเก่งไปในเรื่องของเสียงที่ให้ออกมาต้อนรับการชมภาพยนต์และเล่นเกมมากกว่าที่จะให้ในการฟังเพลง PIIQ MDR-PQ1 Premium Headphones by SONY กำลัง จะวางขายใน Shop ของ SONY เร็ว ๆ นี้ครับ ใครที่ต้องการ Headphones ที่มีขนาดใหญ่ เน้นไปที่เรื่องของการรับชมภาพยนตร์และเล่นเกม ก็ไปหาซื้อมาใช้งานกันได้ครับ
จุดเด่น
- การออกแบบดูดีทันสมัย
- ให้ตำแหน่งของเสียงได้ดี
- สาย Audio in สามารถถอดได้
- สามารถปรับระดับแกนหูฟังได้อย่างอิสระ
จุดสังเกต
- น้ำหนักที่มากพอสมควร เวลาใช้งานไปนาน ๆ อาจจะเมื่อยได้
scores

มาตรวจสอบ RAM ด้วย Memory Diagnostics

ผู้ใช้คอมฯ จำนวนไม่น้อยต้องเคยพบกับปัญหา Blue Screen of Death (จอฟ้าแห่งความตาย)  ซึ่งจะทำให้คอมพิวเตอร์ ใช้การไม่ได้ สาเหตุประการหนึ่งของ Blue Screen of Death ก็เนื่องจากการทำงานผิดปกติของ Memory หรือ RAM บางท่านไม่ทราบว่าเราจะตรวจสอบ RAM ได้อย่างไรว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่
Windows 7 ได้ให้เครื่องมือ Memory Diagnostics มาแล้วโดยที่ผู้ใช้บางท่านก็ยังไม่ทราบ ทิปนี้จะมาแนะนำวิธีการตรวจสอบ RAM ว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนใหม่แล้วหรือไม่
การเรียกใช้  Memory Diagnostics เพื่อใช้ตรวจ RAM มีขั้นตอนการเรียกใช้ ได้ดังนี้…
1. พิมพ์ mdsched ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter
2. ที่หน้าต่าง Windows Memory Diagnostic คลิกที่ Restart now and check for problems (recommended)
คอมพิวเตอร์ จะรีสตาร์ทเพื่อเข้า Memory Diagnostics (ฟังก์ชัน Memory Diagnostics จะไม่ทำงานในขณะที่อยู่ใน Windows 7) เราจะเห็นหน้าจอ Windows Memory Diagnostics Tool แสดงขึ้นมา และฟังก์ชัน Memory Diagnostics จะเริ่มตรวจสอบการทำงานของแรมทันที โดยจะตรวจสอบในโหมดพื้นฐาน  (Standard)  ซึ่งเป็นค่าดีฟอลต์ของ Windows 7
Windows 7 ยังเปิดโอกาสให้เราเปลี่ยนโหมดในการตรวจสอบจากค่าดีฟอลต์ของ Windows 7 ได้ เพื่อความละเอียดในการตรวจสอบ เราสามารถทำได้โดยกดคีย์ F1 เพื่อเปิดหน้าจอ Windows Memory Diagnostics Tool – Options  เพื่อเลือกออปชันต่างๆ ในการตรวจสอบ เมื่อเลือกค่าต่างๆ ได้แล้วให้กดคีย์ F10 เพื่อทำการตรวจสอบ

เพิ่มคำสั่ง Copy, Paste และ Delete เข้าไปในทูลบาร์ของ Windows Explorer

คุณๆ ที่ใช้ Windows 7เคยสังเกตหรือคิดบ้างมั้ยว่าเจ้า Windows Explorer ของ Windows 7 ว่ามันขาดคำสั่งบ้างคำสั่งที่ผู้ใช้ทั่วไปจะใช้อยู่ประจำ นั้นก็ได้แก่ คำสั่ง Copy, Paste และ Delete ถ้ามีมาด้วยก็จะสะดวกในการใช้งานมากขึ้น
ความคิดเช่นนั้น ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ เราสามารถปรับแต่งตัว Registry สักเล็กน้อย เราก็จะได้คำสั่งที่กล่าวมาข้างต้น มาใช้ใน Windows Explorer แล้ว….วิธีการปรับแต่งแก้ไข Registry ก็สามารถทำได้ดังนี้…
1.พิมพ์ regedit ลงในช่องว่าง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter
2.เมื่อหน้าต่าง Registry Editor เปิดขึ้นมา ให้คลิกไปตามคีย์ย่อยช่องด้านซ้ายดังนี้
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\FolderTypes\{5c4f28b5-f869-4e84-8e60-f11db97c5cc7}
3.ให้สร้างคีย์ย่อยขึ้นมาโดยคลิกขวาที่คีย์ {5c4f28b5-f869-4e84-8e60-f11db97c5cc7}  เลือกคำสั่ง New > Key ตั้งชื่อเป็น TasksItemsSelected
4. หลังจากสร้างคีย์ใหม่เสร็จให้ดับเบิลคลิกที่คีย์ Default ที่ช่องด้านขวามือ ที่หน้าต่างย่อย Edit String ให้พิมพ์คำสั่ง ตามข้างล่างลงในช่อง Value data: แล้วคลิก OK
Windows.Copy; Windows.Paste; Windows.Delete;
5. ปิด Registry Editor แล้วรีสตาร์ตเครื่อง เพื่อให้การปรับแต่งเป็นผล
หมายเหตุ: ในกรณีที่ขั้นตอนสร้างคีย์ใหม่แล้วระบบไม่ให้สร้างเนื่องจาก  User ไม่มีสิทธิ คุณต้องทำการโอนสิทธิก่อน วิธีก็มีดังนี้
1.เมื่อคลิกขวาที่คีย์ {5c4f28b5-f869-4e84-8e60-f11db97c5cc7} ให้ให้เลือก Permissions
2.หน้าต่าง Permissions จะเปิดขึ้นมา ให้คลิกที่ Advanced
3.ที่หน้าต่าง Advanced Security Settings ให้คลิกที่แท็บ Owner คลิกเลือก User name ที่ Log-in อยู่ แล้วคลิกทำเครื่องหมายถูกที่ Replace owner on subcontainers and objects คลิก OK
4. กลับที่หน้าต่าง Permissions คลิกเลือก User name ของคุณที่อยู่ใน Group or user names: คลิกเครื่องหมายถูกที่ Full control ภายใต้รายการ Allow แล้วคลิก OK

5 เทคนิคพื้นฐานสำหรับ Google Chrome มือใหม่อย่าพลาด

Microsoft Internet Explorer 9 อาจจะออกรุ่น Beta มาให้เราโหลดไปใช้งานกันแล้ว
และทำท่าว่าจะเป็นสุดยอดเบราเซอร์ได้ด้วย ส่วน Mozilla Firefox เองก็พยายามจะพัฒนาให้ดีขึ้น
แต่ก็กลายเป็นว่าจะอ้วนขึ้นด้วยเหมือนกัน Google Chrome เลยออกมาตัดหน้าด้วยความเล็ก
เร็ว หน้าตาโล่ง ๆ เพื่อให้เราได้โฟกัสไปที่การท่องเว็บจริง ๆ
ถึงแม้ว่าการใช้งานกันจริง ๆ อาจจะไม่ได้รู้สึกสุดยอดอะไรนักหนา
และต่อไปนี้ก็เป็นอีก 5 เทคนิคที่คนใช้ Chrome ควรจะรู้ เพื่อให้การใช้งานทำได้ดีมากขึ้น
01 5 เทคนิคพื้นฐานสำหรับ Google Chrome มือใหม่อย่าพลาด
1. ปรับเปลี่ยนหน้า Home Page
ทุกเบราเซอร์อนุญาตให้เราตั้งหน้า Home Page ของเราโดยเฉพาะ แต่ Google Chrome สามารถตั้งได้หลายๆ หน้าพร้อมกัน แค่กดที่ ไขควง -> ตัวเลือก -> พื้นฐาน และติกที่ “เปิดหน้าต่อไปนี้” จากนั้นกด “เพิ่ม” และจะมีหน้าต่างของหน้าเว็บที่เราเคยเปิดเข้าไปแล้ว หรือจะพิมพ์เว็บเข้าไปใหม่เลยก็ได้
02 5 เทคนิคพื้นฐานสำหรับ Google Chrome มือใหม่อย่าพลาด
2. เปลี่ยน Default Search Engine
Google Chrome มี Search Engine อยู่หลายตัวนอกจากของ Google เอง ถ้าหากอยากจะเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นเช่น Yahoo! หรือว่า Bing ก็เข้าไปที่ ไขควง -> ตัวเลือก -> พื้นฐาน ที่ “เครื่องมือค้นหาเริ่มต้น” เราสามารถกดเลือก Search Engine ที่ต้องการได้เลย
3. เปิด Tab ที่พึ่งปิดและวิธีเปลี่ยน Tab ด้วยคีย์บอร์ด
ถ้าคุณเผลอปิด Tab แล้วงงๆ ว่ามันต้องไปเปิดตรงไหน Google Chrome แอบทำคำสั่งสำหรับกดเปิดใหม่อย่างง่ายๆ ไว้แล้ว ด้วยการกด CTRL + SHIFT + T แล้ว Tab ที่พึ่งปิดไปจะเปิดขึ้นมาใหม่ คุณสามารถทำแบบนี้ได้ 10 Tab ล่าสุด ถ้าหากอยากเปลี่ยน Tab ด้วยกดจากคีย์บอร์ดก็ให้กด CTRL + TAB หรือ CTRL + SHIFT + TAB แบบ Mozilla Firefox ก็ได้
04 5 เทคนิคพื้นฐานสำหรับ Google Chrome มือใหม่อย่าพลาด
4. ปักหมุดให้หน้าเว็บ
ถ้าคุณต้องเข้าเว็บไหนบ่อยๆ ถี่ๆ แต่ Bookmark เองก็ล้นจนไม่มีที่จะเก็บแล้ว เราก็สามารถปักหมุกหน้าเว็บอันนั้นเอาไว้ได้ เวลาที่เราเปิด Tab เปล่าขึ้นมาจะเห็นว่ามีรูปของหน้าเว็บที่เราพึ่งเข้าแสดงเอาไว้ เราสามารถเอาเม้าส์ไปวางที่รูป และจะมีกรอบขึ้นมา ที่มุมซ้ายจะมีรูปหมุกให้เรากดปัก และหน้าเว็บนั้นจะคงอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา มันก็คล้ายๆ Speed Dial ของ Opera แต่ว่า Opera มันเล่นได้มากกว่าอยู่ดี
05 5 เทคนิคพื้นฐานสำหรับ Google Chrome มือใหม่อย่าพลาด
5. จัดการหน่วยความจำที่ Chrome ใช้
คุณอาจจะคิดว่า Google Chrome เร็ว แต่จริงๆ แล้วมันกินหน่วยความจำเยอะมากๆ ยิ่งถ้าลง ส่วนขยาย เข้าไปแรมเป็นกิกก็อาจจะถูกใช้หมดได้ (โดนมาแล้ว) วิธีการจัดการง่ายๆ อย่างหนึ่งก็คือ ให้ปิด Tab ให้เหลืออันเดียว จากนั้นก็เปิดใหม่ สำหรับการกดด้วยคีย์บอร์ดให้กด CTRL + W ไปเรื่อยๆ เพื่อปิด และกด CTRL + SHIFT + T เรื่อยๆ เพื่อเปิดขึ้นมาใหม่ ฟังดูปัญญาอ่อน แต่ได้ผลอยู่ ถ้าอยากดูว่าโปรแกรมใช้หน่วยความจำไปเท่าไรก็สามารถกด SHIFT + ESC เพื่อเรียกตัวจัดการงานขึ้นมาดูได้ แต่ถ้าอยากดูแบบละเอียดสุดๆ ให้พิมพ์เข้าไปว่า “about:memory” แล้วคุณจะเห็นตารางสวยงามพร้อมกับอ้าปากค้างว่าทำไมมันใช้แรมเยอะนัก

ทั้ง 5 เทคนิคก็เป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับโปรแกรม Google Chrome นะครับ นับว่าเป็นเบราเซอร์ที่มีคนใช้งานเยอะเหมือนกัน ส่วนโปรแกรมเสริมเองก็กำลังมีเพิ่มมาขึ้นเรื่อยๆ แม้จะสู้ Mozilla Firefox ไม่ได้ แต่ตัวมันเองเพียวๆ ก็มีอะไรน่าสนใจมากกว่าไม่น้อย ลองใช้งานกันดูแล้วกันครับ ไม่มีโปรแกรมไหนดีที่สุด แค่เหมาะกับคุณที่สุดเท่านั้นเอง

Mini Translator ฟีเจอร์แปลภาษาของ Office 2010

สำหรับคนไทยด้วยส่วนใหญ่จะมีปัญหากับเรื่องภาษาต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้หาโปรแกรมพจนานุกรมที่ขายอยู่ทั่วไป มาใช้ ซึ่งจะไม่สะดวกนักในการใช้ คือต้องเปิดโปรแกรมค้างไว้ พร้อมทั้งทำงานไมโครซอฟต์ออฟฟิศ 2010 สลับโปรแกรมกันไปมา ทางไมโครซอฟต์เห็นถึงปัญหานี้ จึงเพิ่มความสะดวกด้วยทูลเล็กๆ สำหรับแปลภาษาที่เรียกว่า Mini Translator เพียงแค่คุณเลือกคำที่ต้องการแปล โดยเอาเมาส์ไปชี้ไว้ที่คำนั้น สักครู่ก็จะปรากฎคำแปลขึ้นมา
แต่ก่อนที่จะใช้งานทูลนี้คุณต้องไปเปิดการใช้งานและตั้งค่าในโปรแกรมชุดออฟฟิศ 2010 ก่อน ด้วยมีขั้นตอนดังนี้
1.คลิกไปที่เมนูริบบอน Review > Translate แล้วเลือก Mini Translator
2.ที่หน้าต่าง Translation Language Options ตรงหัวข้อ Choose Mini Translator Language ให้คุณคลิกเลือกภาษาที่จะแปลที่ Translate to:
3.เมื่อเลือกได้แล้วก็คลิก OK

นำไฟล์ออฟฟิศ 2010 ที่มีฟอนต์เฉพาะตัว ไปเปิดเครื่องอื่นได้ด้วย

ตามปกติคุณๆ ที่ทำงานเอกสารของชุดออฟฟิศ 2010 ซึ่งได้แก่ Word , Excel และ Power Point คุณที่ชอบใช้ฟอนต์ที่สวยงามแปลกไม่เหมือนคนอื่น เพื่อให้เอกสารของคุณดูดีดูสวยงาม ชึ่งฟอนต์เหล่านี้ก็อาจหามาจากที่อื่นๆ มาลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ แต่ปัญหาก็คือคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไม่มีฟอนต์แบบคุณ ทำให้ไฟล์ของคุณ เมื่อเอาไปเปิดที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ไม่มีฟอนต์เหมือนของคุณ จะทำให้ความสวยงามของเอกสารที่คุณเคยทำไว้นั้น หายไปหมดสิ้น แถมยังทำให้เค้าโครงเอกสารผิดเพี้ยนไปด้วยเพื่อความไม่ประมาท เมื่อคุณรู้ว่าจะต้องเอาเอกสารไปเปิดที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น คุณจึงควรแนบฟอนต์พิเศษของคุณไปกับเอกสารก็จะเป็นการดี ถึงแม้ว่าจะทำให้เอกสารนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ตาม แต่ก็คุ้มค่าที่จะแนบไป
วิธีการตั้งค่าให้แนบฟอนต์ไปกับเอกสารก็มีดังนี้
1. คลิกที่เมนู File > Option > Save
2.ให้คลิกทำเครื่องหมายถูกที่รายการ Embed fonts in the file แล้วคลิก OK
เท่านี้เมื่อคุณเซฟไฟล์เอกสารไมโครซอฟต์ออฟฟิศ 2010 ฟอนต์สวยๆของคุณก็จะแนบไปกับไฟล์ เมื่อเอาไปใช้กับเครื่องอื่นก็จะไม่มีปัญหาเรื่องฟอนต์อีกต่อไป

Toshiba เปิดตัวเครื่องเน็ตบุ๊กลำโพง Harman/Kardon เสียงดี NB520

เครื่องเสียงแบบพกพา พิมพ์งานได้ด้วย
Toshiba พึ่งเปิดตัวเน็ตบุ๊กเครื่องใหม่ อัดลำโพง Harman/Kardon ขนาด 2 วัตต์มาให้ด้วย ดังนั้น เมื่อเทียบเรื่องคุณภาพเสียงในเครื่องเน็ตบุ๊กรับรองว่าแจ่ม ตัวเครื่องมี 5 สีให้เลือกซื้อ สเปคตามสมัย Intel Atom N550 แรมใส่ได้ 2 GB ฮาร์ดดิสก์ 250 GB ขนาดเครื่องวัดได้ 261.9 x 189.5 x 16.6 (หน้า) / 35.5 (หลัง) มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 1.32 กิโลกรัม รวมแบตเตอรี่แล้ว อยากได้มาฟังเสียงว่าจะใช้งานได้ขนาดไหน
ที่มา : Akihabara News